วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560



ประธานาธิบดีฝรั่งเศส

หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในรอบแรกสิ้นสุดลง ผลของการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่ออกมาปรากฏว่า ผู้ลงสมัครทั้งสองคนได้แก่นายเอ็มมานูเอล มาครง ผู้สมัครอิสระสายกลาง และนางมารีน ลูแปน หัวหน้าพรรคขวาจัด ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งที่น่าแปลกคือในครั้งนี้ผู้สมัครทั้งสองคนไม่ได้มาจากพรรคการเมืองใหญ่เป็นครั้งแรกดูเหมือนจะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เมืองน้ำหอมจะได้ผู้นำคนใหม่คือ นายเอ็มมานูเอล มาครง วัย 39 ปีกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า นายมาครงได้รับคะแนนโหวต 66.06% โดยคะแนนห่างจากมารีน เลอ แปน ไปกว่า 30%  ทั้งนี้มาครงผู้มีใบหน้าหล่อเหลา และยังอายุน้อย รวมถึงขึ้นแท่นเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่สมัยนโปเลียน โบนาปาร์ต ที่ 3 และแน่นอนว่าบริจิตต์ โทรนเญอซ์ ภริยาวัย 64 ของเขา ก็จะได้ขึ้นมาเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ไปโดยปริยาย


เอ็มมานูเอล มาครง เป็นนักการเมืองหน้าไฟแรง เคยทำงานด้านการธนาคาร และเป็นพนักงานรัฐบาล กระทั่งได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจในรัฐบาลของนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีพรรคสังคมนิยม ก่อนจะลาออกและก่อตั้งขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมือง En Marche! หรือ Let’s Move ซึ่งมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงปัญหาเก่าในประเทศที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ที่ฝังรากลึกมานานกว่า 30 ปี
นับได้ว่าเป็นความท้าทายสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่แห่งฝรั่งเศสอย่างมาก เนื่องจากประเทศที่ได้รับความนิยมจากการท่องเที่ยว ที่มีความสวยงาม และมีชื่อเสียง กำลังตกเป็นเป้าหมายของการก่อเหตุความไม่สงบ เห็นได้จากเหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งมาครงมีฐานความนิยมจากผู้มีการศึกษา ชนชั้นกลาง และคนหนุ่มสาว เนื่องจากเขาสนับสนุนสหภาพยุโรป และมีแนวคิดชาตินิยมน้อยกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ รวมถึงโอบอุ้มผู้อพยพและคนต่างเชื้อชาติศาสนา ในขณะเดียวกันก็มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในประเทศ เอื้อต่อนักธุรกิจ ไม่สังคมนิยมจัดเหมือนรัฐบาลพรรคสังคมนิยมของนายออลลองด์ ซึ่งเป็นมิตรต่อภาคธุรกิจ

ส่วนด้านชีวิตส่วนตัว มาครง เคยความเป็นศิลปินเนื่องจากเคยเป็นนักเปียโน และที่น่าทึ่งคือชีวิตรักของเขาที่ไม่ธรรมดา เขาแต่งงานตั้งแต่อายุ 17  ครูสอนการแสดงโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแม่ม่ายลูกติด 3 ที่แก่กว่ามาครงถึง 24 ปี มาครงได้ตกหลุมรัก บริจิตต์ ครูสาวโรงเรียนมัธยมปลายที่เมืองเอเมียงส์ มขณะเป็นวัยรุ่น อายุได้เพียง 16 ปี และได้ประกาศว่าเขาจะต้องแต่งงานกับครูบริจิตต์ แม้ในขณะนั้นจะถูกครอบครัวคัดค้านก็ตาม
ส่วนนโยบายของมาครง ในการการฝึกงานและสร้างงานใหม่ ๆ โดยใช้งบประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท และไม่ต้องการพึ่งพาพลังงานถ่านหิน แต่มุ่งหวังใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ รวมทั้งด้านการปรับโครงสร้างระบบสาธารณูปโภค ปรับปรุงระบบต่าง ๆ ให้ทันสมัย และลดการเก็บภาษีนิติบุคคล รวมถึงเจรจาให้นายจ้างเจรจาเรื่องการทำงานสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมงลดอัตราการว่างงานให้อยู่ที่ 7% และยังมีนโยบายเกี่ยวกับภาคการศึกษา ระบุว่าห้ามนักเรียนอายุน้อยกว่า 15 ปีใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลังจากนี้อีก 1 ประการที่นายมาครงต้องเจอ คือการขอแรงสนับสนุนจากรัฐสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรเนื่องจากเขาเป็นผู้ที่ยังมีอายุน้อย และเป็นผู้สมัครอิสระ จึงเป็นการยากอยู่ไม่น้อยที่เขาจะคุมสภาได้อย่างราบรื่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วันนี้จะพูดกันถึงเรื่องรักๆในเดือนกุมภาพันธ์กัน เพราะมีวันสำคัญวันหนึ่งในเดือนนี้สำหรับคู่รักหลายๆท่าน ก็คือ วันวาเล่นไทน์ หรือ Sai...